Tharae News

ประวัติบ้านท่าแร่
เทศบาลตำบลท่าแร่

              สภาพโดยทั่วไปบ้านท่าแร่

ที่ตั้ง
            ชุมชนบ้านท่าแร่ ตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 ห่างจากตัวเมืองสกลนคร ไปตามถนนสายสกลนคร-นครพนม (ถนนนิตโย) ไปประมาณ 21 กิโลเมตร

ประวัติความเป็นมา
            บริเวณที่เป็นบ้านท่าแร่ในปัจจุบันแต่เดิมเป็นป่าโปร่ง มีต้นไม้ใหญ่น้อยตามลักษณะป่าไม้เขตร้อนชื้น ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านติดกับหนองหาร ซึ่งก่อน พ.ศ. 2482 ยังไม่มีประตูน้ำกั้นน้ำหนองหาร ในฤดูแล้งบ้านท่าแร่จะอยู่ลึกจากริมฝั่งหนองหารประมาณ 3 กิโลเมตร สภาพที่เป็นป่าใกล้ลำน้ำ จึงมีสัตว์ป่านานาชนิดตลอดจนมีปลาชุกชุม นับเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของบริเวณริมหนองหาร การตั้งชุมชนครั้งแรกที่บ้านท่าแร่  เป็นชุมชนชาวคริสตัง ซึ่งอพยพมาจากตัวเมืองสกลนคร ซึ่งเป็นทั้งชาวญวนและชาวไทญ้อ ซึ่งไม่พอใจการกีดกันการนับถือศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิก ของกลุ่มผู้ปกครองเมืองสกลนครในสมัยนั้น (สมัย ร.5) ทั้งนี้ด้วยเหตุที่กลุ่มผู้นับถือศาสนาคริสตัง จะมีการปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาแตกต่างจากพุทธศาสนิกชน เช่น การทำพิธีมิสซา การรับศีลล้างบาป  โดยมีบาทหลวงเป็นผู้ประกอบพิธีซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ประกอบกับนโยบายของราชสำนักที่กรุงเทพฯ ต้องการให้บ้านเมืองบำรุงพุทธศาสนามิให้มีการทำลายพุทธศาสนา และถือเป็นนโยบายหลักของเจ้าเมืองด้วย กลุ่มชาวญวนคริสตังจึงถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ

                                                       บาทหลวงซาเวียร์ เกโก                                         บาทหลวงยอแซฟ กอมบูริเออ

              ในช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2424  ได้มีคณะบาทหลวง ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เข้าสู่ภาคอีสาน เพื่อเยี่ยมเยียนกลุ่ม ชาวคริสตังตามเมืองชนบทต่างๆ เช่น โคราช ขอนแก่น กาฬสินธุ์ กมลาไสย ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี สกลนคร และนครพนม เมื่อคณะของบาทหลวงซึ่งประกอบด้วยบาทหลวงเกโกและครูทัน(ชาวญวน) มาถึงเมืองสกลนคร ทราบปัญหาดังกล่าว  จึงวางแผนย้ายกลุ่มชาวญวน และสถานที่เผยแพร่ศาสนาไปอยู่แห่งใหม่ โดยต่อแพไม้ไผ่ขนาดใหญ่บรรทุกผู้คนและเครื่องใช้ที่จำเป็นขึ้นแพไม้ไผ่ อธิษฐานเทวดามีคาแอล ให้พบแผ่นดินที่เหมาะแก่การเผยแพร่คริสต์ศาสนา กระแสลมได้พัดใบเรือซึ่ง ทำจากผ้าห่มกั้นลมไปถึงชายฝั่งอีกแห่งหนึ่งของหนองหาร พื้นดินส่วนใหญ่เต็มไปด้วยดินลูกรังที่เรียกว่า "หินแฮ่" จึงพากันตั้งชุมชนใหม่ขึ้นและเรียกว่า "ท่าแฮ่"   และมาใช้เป็น “ท่าแร่” ในปัจจุบัน

                 ผู้คนที่อพยพมาอยู่บ้านท่าแร่รุ่นแรกมีจำนวน 20 ครอบครัว  นับคนได้ประมาณ  150  คน มีทั้งชาวญวน ชาวไทญ้อสกลนคร  ซึ่งเป็นคริสตัง  และในเวลาต่อมาได้ มีชาวภูไทจากที่ต่างๆ อพยพเข้ามา อยู่ในชุมชนแห่งนี้ด้วย ภายใต้การนำ ของบาทหลวงยอแซฟ กอมบูริเออ ซึ่งได้พัฒนาชุมชนให้เป็นตารางยุโรป ได้จัดผังเมืองเป็นระบบเป็นล็อคๆ  เช่นเดียวกับเมืองในประเทศยุโรป  ซึ่งหาดูได้ยากในชุมชนอื่นๆ ของจังหวัดสกลนคร การอยู่อาศัยเกิดจากการผสมผสานกันระหว่างชนเผ่าต่างๆ คือ เผ่าผู้ไทย ไทลาว  ไทญ้อ  เวียดนาม  ทำให้เกิดการปลูกสร้างบ้านพักอาศัยที่มีรูปแบบชนิดต่างๆ เช่น บ้านไม้เสาสูงชนิดเรือนเกย  บ้านไม้เสาเตี้ยพื้นเกือบติดดิน บ้านไม้ชนิดเรือนแถวชั้นเดียว เรือนแถวสองชั้นซึ่งเป็นแบบบ้านไม้ที่ได้รับอิทธิพลจากเวียดนาม และแบบตึกก่อด้วยอิฐฉาบปูน ตึกโบราณทรงยุโรปเป็นตึกก่อด้วยอิฐ  เป็นตึกแถวสองชั้น  ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอย่างเด่นชัด  และเป็นตึกที่ผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีจะพึงมีได้  เพราะค่าจ้างช่างและลูกมือช่าง  มีราคาแพง  ช่างผู้ควบคุมการก่อสร้างต้องจ้างช่างชาวเวียดนาม  ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านงานปูนมาออกแบบควบคุมงานก่อสร้างโดยเฉพาะ  วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นอิฐ  ปูนที่ผลิตขึ้นจากปูนขาว  ทราย  ยางบง  และโครงไม้  ก่อสร้างโดยใช้วิธีเรียงอิฐให้มีแรงเกาะยึดและค้ำยันด้วยความหนาของแผ่นอิฐ  ประสานเชื่อมด้วยปูนและคานไม้ซึ่งเป็นตัวประกบ  อุปกรณ์บางชนิด  เช่น  บานพับประตูบานพับหน้าต่าง  เป็นสินค้าสั่งจากประเทศฝรั่งเศสโดยช่างชาวเวียดนามทั้งสิ้น

ความสำคัญต่อชุมชน
              ชุมชนบ้านท่าแร่ เป็นชุมชนสำคัญ ในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ในสกลนคร ถือเป็นศูนย์กลางของคาทอลิกระดับเขตที่เรียกว่า มิสซังท่าแร่ - หนองแสง ครอบคลุมเขตการปกครองถึงจังหวัดนครพนมด้วย นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ศาสนาไปยังหมู่บ้านต่างๆ ในจังหวัดสกลนคร โดยมีโบสถ์อยู่ 1 แห่ง คือ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่ ที่ใช้ในการประพิธีกรรมทางศาสนา

เศรษฐกิจ
            ระบบเศรษฐกิจ  ชุมชนแห่งนี้ได้รับอิทธิพลการดำเนินชีวิตที่ ประหยัดเรียบง่าย ขยันในการทำมาหากิน   ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชุมชนแห่งนี้มีประชากรขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันมีฐานะเป็นตำบลคือ ตำบลท่าแร่ มี 8 หมู่บ้าน ในจำนวน 5 หมู่บ้านอยู่ในเขตเทศบาล

ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
            เนื่องจากเป็นชุมชนเก่าและมีผู้คนหลายกลุ่มอาศัยในชุมชนแห่งนี้ จึงทำให้มีอาคารรูปแบบสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบ โดยเป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมเวียดนาม ก่อสร้างในราว ปี พ.ศ. 2475 ใช้การก่อสร้างโดยไม่ใช้ปูนซีเมนต์ ใช้ภูมิปัญญาช่างและประสบการณ์การก่อสร้างบ้านแบบก่ออิฐฉาบปูน ไม่มีช่างใดทำได้ เป็นตึกแถวสองชั้น  ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยเชื้อสายเวียดนามอย่างเด่นชัด และเป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่เด่นและแปลกตากว่าชุมชนอื่นในจังหวัดสกลนคร

อาคารที่อยู่อาศัย
1. อาคารที่เป็นเรือนเกย

          “เกย”  ใช้เรียกส่วนชานบ้านที่มีหลังคาคลุมใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์นั่งเล่นรับแขก รับประทานอาหาร พื้นเกยจะเป็นไม้กระดาน  (เฮือนเกยฝาแอ้มแป้นนอน)

2. เรือนแถวชั้นเดียวพื้นติดดิน

         เป็นเรือนแถวที่มีอายุประมาณ 60 - 70 ปี ในด้านโครงสร้างและส่วนที่ว่างหน้าบ้าน ซึ่งอาจขายสินค้านั่งเล่น รับแขก ส่วนที่เป็นที่ อยู่อาศัยใช้ไม้กั้นเป็นห้องๆ ให้บุตรสาว หรือครอบครัวบุตรหลานอาศัยหรือใช้เป็นที่เก็บ สิ่งของเครื่องใช้และทำเป็นห้องนอน

3. เรือนแถวสองชั้นพื้นติดดิน

            ลักษณะของเรือนแถว ชนิดนี้เป็นเรือนแถวที่ทำจากไม้ทั้งหลัง มักเป็นเรือนแถว 3 คูหา แต่เปิดโล่งตลอดชั้นล่าง เป็นที่อยู่อาศัยของพ่อ - แม่ หัวหน้า ครอบครัว ชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัยของบุตรสาว บุตรเขย - สะใภ้

4. อาคารก่ออิฐสองชั้น

          เป็นอาคารที่โดดเด่นในปัจจุบันที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีประมาณ 5 หลัง อาคารชนิดนี้ก่อด้วย อิฐเผา และวัสดุที่ยึดผนังเช่น ปูน ทราย ส่วน อุปกรณ์ประเภทเหล็กนั้นใช้ประกอบน้อยที่สุด ทั้งนี้ เพราะมีราคาแพง ในการก่อสร้างเมื่อ 80 - 90 ปีที่ผ่านมา

 

 

 

เทศบาลตำบลท่าแร่ © 2006
205 หมู่ 8 ถ.ท่าแร่-ศรีสงคราม อ.เมือง จ.สกลนคร
โทรศัพท์ : 0-4275-1440, โทรสาร : 0-4275-1441
E-mail : Tharae.2011@hotmail.com
webmaster : leoyut.13@hotmail.com & hangman_blue@hotmail.com